ยักษ์ล้ม บริษัทค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ล้มละลายเพราะขาดทุนจากการเทรดฟิวเจอร์น้ำมัน 24,000 ล้านบาท และมีหนี้สินค้างชำระอีก 120,000 ล้านบาท
วันที่ 26 เม.ย. 2563 เวลา 10:01 น.
บริษัท Hin Leong Trading บริษัทค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ล้มละลายเพราะขาดทุนจากการเทรดฟิวเจอร์น้ำมัน 800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 24,000 ล้านบาท และมีหนี้สินค้างชำระอีก 4,000 ล้านดอลลาร์หรือ 120,000 ล้านบาท
ส่งผลให้ Ok Lim ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท ผู้มีทรัพย์สิน 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 39,000 ล้านบาทจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ หายไปในพริบตา
เรื่องนี้บอกอะไรกับเรา
1. ใหญ่แค่ไหนก็ล้มได้ถ้าประมาท
บอร์ดบริหารบริษัท คงไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเก่งหรือห่วย แต่เป็นความประมาท
2. Leverages buy out (การกู้เงินเพื่อมาเทคโอเวอร์กิจการอื่น) ว่าอันตรายแล้ว แต่การกู้เงินมาเพื่อมาเก็งกำไรในตลาด futures อันตรายยิ่งกว่า
3. เคสแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับธนาคารแบริ่งของประเทศอังกฤษ นายนิค ลีสัน เทรดเดอร์ตราสารอนุพันธ์ของธนาคาร เทรดขาดทุนไป 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ธนาคารที่ก่อตั้งมา 63 ปี ล้มละลายทันที
การมอบอำนาจให้เทรดเดอร์ตราสารอนุพันธ์โดยไม่ควบคุมลิมิตการเทรด สามารถทำให้องค์กรล้มได้ทันทีจาก power of leverage
4. การสวนเทรนด์ (contrarian) เป็นวิธีการเทรดที่ทำให้เจ๊งง่ายที่สุด
ราคาน้ำมันลงตลอดทาง แต่ไปซื้อฝั่ง long เพราะคิดว่ามันลงมาเยอะแล้ว ต้องขี้นบ้าง
5. ขึ้นมากแค่ไหน ก็ยังขึ้นต่อได้ ลงมากแค่ไหน ก็ยังลงต่อได้ (ใครจะคิดว่าสัญญาการส่งมอบน้ำมันดิบเวสต์_เท็กซัสเดือนพฤษภาคม สามารถลงไปติดลบได้ 37 เหรียญ )
6. บางครั้งการที่เราไขว่คว้าหาความรวยที่มากยิ่งขึ้น มันอาจทำให้เรากลับจนลง ถ้าเราควบคุมความโลภไม่ได้
7. การตัดขาดทุน (stop loss) คือสิ่งที่จะช่วยให้คุณรอด ไม่ว่าจะเป็นในระดับบุคคล หรือระดับบริษัทยักษ์ใหญ่
8. ในบริษัท Trading Company การใช้ตราสารอนุพันธ์ควรใช้เพื่อ hedging – ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา โดยการ matching ให้เหมาะสมกับ stock สินค้าที่มีอยู่ แต่ไม่ควรใช้เพื่อ speculation – เก็งกำไร โดยการคาดเดาแบบ directional เพราะถ้าพลาดจะเสียหายหนัก
เรากำลังอยู่ในยุคสมัย ความบ้าคลั่งในโลกการเงิน และเคสของ Hin Leong Trading จะไม่ใช่กรณีสุดท้าย เพราะจากผลกระทบของ การหดตัวอย่างรุนแรงของอุปสงค์ และการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ผสมกับหนี้อีกมหาศาลที่อาจผิดนัดชำระ เคสนี้เป็นแค่เคสเปิดตัวเท่านั้น